สินค้ารวม : 0 บาท ไปที่ตะกร้าสินค้า
โปรโมชั่น : ยอด 650 บาท ฟรีค่าจัดส่ง (ยกเว้นกล่อง)
หลายท่านที่เข้ามาอ่าน อาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องมีใบกำกับภาษีแบบย่อ ทำไมเราต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็ม ทั้งคู่แตกต่างกันอย่างไร ทั้งในด้านองค์ประกอบ และในด้านการใช้งาน สำหรับใบกำกับภาษีแบบย่อเราจะคุ้นเคยกันดี ยกตัวอย่าง ที่เราเจอทุกวันคือ เมื่อเราซื้อของจาก 7-11 หรือห้างร้านต่างๆ จะมีใบเสร็จ สลิปเล็กๆออกมาให้เรา ซึ่งนั้นจะเป็นใบกำกับภาษีแบบย่อ ที่ทางร้านออกมาให้กับเรา
ซึ่งหากเราต้องการใบกำกับภาษีแบบตัวเต็ม เราสามารถไปขอได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเมื่อเราซื้อสินค้าที่ Ikea หลังจ่ายเงินหน้าโต๊ะชำระเงินแล้ว เราสามารถเดินไปขอออกใบกำกับภาษีแบบตัวเต็มไป โดยกรอกข้อมูลองค์กรต่างๆของเราลงไปใน คอมพิวเตอร์ ณ จุดบริการออกใบกำกับภาษีแบบตัวใน Ikea และให้พนักงานประทับตราบริษัทลงไปได้
อธิบาย : สำหรับใบกำกับภาษีแบบย่อ จะเป็นเหมือนสลิปใบเสร็จสินค้าเมื่อเราซื้อสินค้า เช่นใน 7-11 จะมีใบเสร็จเล็กๆมาให้เรา ซึ่งนั้นก็จะเป็นใบกำกับภาษีแบบย่อ โดยทางสรรพากรได้อำนวยความสะดวกให้แก่กิจการโดยหากกลุ่มกิจการที่มีลูกค้าทั่วได้ เป็นจำนวน การค้าขายทุกครั้งถ้าต้องออกใบกำกับภาษีแบบเต็มอาจจะทำให้ การดำเนินกิจการมีต้นทุนจัดการที่สูงขึ้น เพราะจะต้องมาถามที่อยู่อะไรต่างๆทุกครั้งที่ลูกค้ากลุ่มทั่วไปมาซื้อสินค้า โดยหากลูกค้ากลุ่มองค์กรต้องการใบกำกับภาษีแบบเต็ม สามารถขอจากผู้จำหน่ายสินค้าได้เช่นกัน
อธิบาย : ใบกำกับภาษีแบบเต็มจะต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนไม่ว่าจะ ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของลูกค้าและผู้ขาย อีกทั้งรายการสินค้าทุกรายการจะต้องแจกแจง ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีมูลค่า ส่วนลดต่างๆ อย่างชัดเจน ซึ่งใบกำกับภาษี แบบตัวเต็ม ลูกค้าจะสามารถใช้นำไปประกอบยื่นภาษีกับสรรพากรได้
อธิบาย : สำหรับใบกำกับภาษีแบบย่อนั้น จะไม่จำเป็นต้องระบุชื่อของผู้ซื้อ รายละเอียดที่อยู่ของผู้ซื้อ ตราบริษัท และราคาสินค้าสามารถรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปในรายการได้เลย
FYI : ในทางปฎิิบัติแล้วเมื่อซื้อสินค้าแล้วจากองค์กรนั้นๆแล้ว เขาจะมีการออกใบกำกับภาษีแบบย่อให้ โดยผู้ซื้อสามารถไปขอใบกำกับภาษีแบบเต็มได้ ซึ่งวิธีนี้ก็ยังใช้กันปกติในปัจจุบัน ในห้างร้านต่างๆ
© 2022, Dearly Commerce Co., Ltd. All Rights Reserved