สินค้ารวม : 0 บาท ไปที่ตะกร้าสินค้า
โปรโมชั่น : ยอด 650 บาท ฟรีค่าจัดส่ง (ยกเว้นกล่อง)
ภาษี e-Service หรือ พ.ร.บ. e-Service ที่เราอาจจะคุ้นหู คุ้นตากันมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาว่าจะมีการจัดตั้งการเก็บภาษีผู้ให้บริการต่างประเทศขึ้น ซึ่งทางรัฐบาลได้ประกาศใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการใช้จ่ายภาษี 7% กับผู้ให้บริการต่างประเทศที่สามารถทำรายได้สูงกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี โดยให้กรมสรรพากรเป็นผู้ดำเนินการเรียกเก็บ จากภาษีขาย โดยไม่ให้นำภาษีซื้อมาหักกัน ซึ่งถ้ามองดีๆแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ดีกับประเทศ ที่จะมีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น แต่ในทางกลับกันผู้ใช้บริการนั้นก็หน้าชากันไม่น้อย เพราะเมื่อมีการเก็บภาษี ก็จะบอกเป็นนัยๆว่า การซื้อสินค้าออนไลน์ต่างๆ กำลังจะแพงขึ้น (ซึ่งปัจจุบันมีหลายสิ่งที่ปรับราคาขึ้นบ้างแล้ว) มาดูกันว่ามีกลุ่มออนไลน์ใดบ้างที่ต้องเสียภาษี 7%
1. กลุ่มธุรกิจ E-Commerce : เช่น Ebay, Amazon, Alibaba
2. กลุ่มธุรกิจ Social Media : เช่น Facebook, Line, Twitter
3. กลุ่มธุรกิจ Transportation : เช่น ตั๋วเครื่องบิน Airline
4. กลุ่มธุรกิจ Travel : เช่น AirBNB, Agoda
5. กลุ่มธุรกิจ Digital Content : เช่น NetFlix, Youtube, Joox
6. กลุ่มธุรกิจ Software : เช่น Microsoft
7. กลุ่มธุรกิจ Games : เช่น เกมบนระบบปฏิบัติการ iOS, Android, Steam และแอพออนไลน์ประเภทอื่นๆ
8. กลุ่มธุรกิจ Infrastructure : เช่น การให้บริการพื้นที่จัดเก็บออนไลน์ต่างๆ iCloud, Dropbox
9. กลุ่มธุรกิจ Payment : เช่น PAYPAL
10. กลุ่มธุรกิจ Forex Investment : การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ
FYI :ซึ่งในตอนนี้ที่เห็นกันแบบหลักๆ ก็คือ ภาษีของการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทั้ง Facebook Instagram Twitter และยังมีในส่วนของภาษีจากการซื้อ Premium VIP จากผู้ให้บริการต่างๆ เช่น Youtube, Spotify การซื้อแอพ ซื้ออุปกรณ์ในเกม ที่มีราคาสูงขึ้น อาจจะไม่ได้นับแค่ Vat 7% แต่อาจจะรวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งตัวทำให้รายจ่ายเราอาจเพิ่มมากขึ้นจนไม่อยากจะใช้งานอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้การเสียภาษีก็จะยังคงดำเนินการต่อไป มีแต่ผู้บริโภค หรือ ผู้ใช้งานอย่างเราที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เหล่านี้เท่านั้น
© 2022, Dearly Commerce Co., Ltd. All Rights Reserved