ในยุคสมัยปัจจุบัน E-commerce ได้เป็นอีกทางหลักในการหารายได้ของบุคคลทั่วไปและองค์กร ซึ่งหา E-commerce นั้นๆเป็นการขายสินค้า และปลายทางคนซื้อของไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของเรา การที่จะทำให้สินค้านั้นๆไปอยู่ในมือลูกค้าของเราได้นั้น ต้องผ่านขบวนการจัดส่ง ไม่ว่าจะผ่านขนส่งรัฐบาล(ไปรษณีย์ไทย) หรือเอกชน
หนึ่งในต้นทุนหลักของ E-Commerce คือ การจัดส่งและ Packaging ถึงแม้ว่าค่าแพ็คสินค้าของเราจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่เมื่อเราต้องพบกับมันในทุกๆสินค้าที่เราขาย ค่าต้นทุนมัน 5 บาท แน่นอน 100 ชิ้นก็ 500 บาทไปแล้ว
วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกัน ระหว่าง ซองไปรษณีย์พลาสติกกับกล่องลูกฟูกว่า ทั้งสองอันนี้อันใด มีข้อดี ข้อเสียส่วนใดบ้าง
การเปรียบเทียบจะถูกแบ่งเป็น
1. ราคาต่อความสามารถในการใส่สินค้า
2. ค่าทำเนียมในการส่งไปรษณีย์
3. ข้อดีและข้อเสีย
4. ความเหมาะสมของการใช้งาน
ข้อที่ 1) ราคาต่อความสามารถในการใส่สินค้า
ในข้อนี้เราจะนำราคาเฉลี่ยของกล่องลังที่ขายตามท้องตลาดและราคาซองพลาสติกที่เราขายมาเปรียบเทียบราคากัน เมื่อใส่ของในปริมาตรเท่ากัน
ปริมาตรที่ใส่ | ราคาซองไปรษณีย์พลาสติก | ราคากล่องลูกฟูก |
---|
50x50x50cm |
100 บาท |
125 บาท |
โดยสรุปแล้ว ถ้าเราจะส่งสินค้าที่มีขนาด 50x50x50cm ถ้าเราส่งกับกล่องเราจะต้องเสียเงินซื้อกล่องลูกฟูก 125 บาท ขณะที่จ่าย 100 บาทเมื่อใช้ซองไปรษณีย์พลาสติก
ข้อที่ 2) ค่าทำเนียมในการส่งไปรษณีย์
เนื่องจาก ซองพลาสติกมีน้ำหนักน้อยกว่ากล่องลูกฟูกจึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งถูกกว่าเล็กน้อย (ย้ำว่าเล็กน้อย)
ข้อที่ 3) ข้อดีและข้อเสีย
• ซองไปรษณีย์พลาสติก
ข้อดี:ใช้งานง่าย รวดเร็วใจการผนึก เพราะมีกาวในตัว
เมื่อสินค้าเล็กกว่าถุง ผู้ใช้สามารถพับให้เล็กได้ และจะประหยัดค่าจัดส่งของ Kerry Express
ข้อเสีย:ไม่ทนต่อสิ่งของมีคม
ไม่เหมาะกับสินค้าประเภทแตกหักได้
• กล่องลูกฟูก
ข้อดี:สามารถส่งสินค้าประเภทแตกหักได้อย่างปลอดภัยกว่า
สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
ข้อเสีย:ยากต่อการใช้งาน ต้องเสียงเวลาในการประกอบ
บ่อยครับที่สินค้าเล็กกว่าขนาดกล่อง จึงทำให้ค่าจัดส่งกับ Kerry แพงขึ้น
ข้อที่ 4) ความเหมาะสมของการใช้งาน
• ซองไปรษณีย์พลาสติกจะเหมาะกับสินค้าประเภทเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่มหรือสินค้าประเภทที่ไม่เสี่ยงต่อการแตกหัก
• กล่องลูกฟูกจะเหมาะกับสินค้าประเภทสินค้าประเภทที่เสี่ยงต่อการแตกหัก